จากครั้งที่แล้วที่ทำการวิเคราะห์ไว้ ว่า อียู จะลงหลังจากแตะระดับ 50% fibo weekly chart แล้ว การลงนั้นเราจะ ชอร์ทที่ราคาสูงที่สุดเท่าทีจะทำได้ ด้วยการดูรูปแบบที่เคยเกิดขึ้นในตอนที่มันเด้งลงที่ระดับฟิโบ 38.2% (ลองกลับไปดูโพสท์ครั้งที่แล้ว) ซึ่งจุดสูงสุดก่อนที่จะลงนั้นก็คือแท่งกราฟใน time frame 1 Hr แท่งที่ 17 หรือเวลาเปิด 2 ทุ่มไปปิดที่่ 3 ทุ่มนั่นเอง ซึ่ง เมื่อวาน ( 28 มกราคม 2556) กราฟก็ทำรูปแบบเดิมดังที่ได้วิเคราะห์ไว้แล้ว คือจุดสูงสุดอยู่ที่แท่งที่ 17 ที่เวลาเปิด 2 ทุ่มปิด 3 ทุ่มเป๊ะเลย(ดูหมายเลขของแท่งกราฟที่พิมพ์ไว้) ซึงการที่กราฟทำตัวแบบนี้ฝรั่งเค้าเรียกว่า cloning หรือโคลนนิ่งนั่นเอง เห็นไหมครับ เหมือนกันยังกะก็อปปี้หรือโคลนนิ่งกันมาเลย
Tuesday, January 29, 2013
กราฟ E/U วันที่ 28 มกราคม 2556 ตรงตามที่วิเคราะห์
จากครั้งที่แล้วที่ทำการวิเคราะห์ไว้ ว่า อียู จะลงหลังจากแตะระดับ 50% fibo weekly chart แล้ว การลงนั้นเราจะ ชอร์ทที่ราคาสูงที่สุดเท่าทีจะทำได้ ด้วยการดูรูปแบบที่เคยเกิดขึ้นในตอนที่มันเด้งลงที่ระดับฟิโบ 38.2% (ลองกลับไปดูโพสท์ครั้งที่แล้ว) ซึ่งจุดสูงสุดก่อนที่จะลงนั้นก็คือแท่งกราฟใน time frame 1 Hr แท่งที่ 17 หรือเวลาเปิด 2 ทุ่มไปปิดที่่ 3 ทุ่มนั่นเอง ซึ่ง เมื่อวาน ( 28 มกราคม 2556) กราฟก็ทำรูปแบบเดิมดังที่ได้วิเคราะห์ไว้แล้ว คือจุดสูงสุดอยู่ที่แท่งที่ 17 ที่เวลาเปิด 2 ทุ่มปิด 3 ทุ่มเป๊ะเลย(ดูหมายเลขของแท่งกราฟที่พิมพ์ไว้) ซึงการที่กราฟทำตัวแบบนี้ฝรั่งเค้าเรียกว่า cloning หรือโคลนนิ่งนั่นเอง เห็นไหมครับ เหมือนกันยังกะก็อปปี้หรือโคลนนิ่งกันมาเลย
Saturday, January 26, 2013
วิเคราะห์กราฟ E/U วันที่ 28 ม.ค. - 1 ก.พ. 2556
คาดการณ์กราฟ E/U ในวีคหน้า 28 ม.ค. - 1 ก.พ. 2556
แท่งเดย์เมื่อวันศุกร์ คือสุดคลื่น 3 และชนกับแนวกลางของเส้น Andrew pitch fork พอดี และถึงระดับ Fibo extension 127.2% พอดี รอทำเวฟ 4 ย่อย ตามรูป
อีกอย่างตอนนี้กราฟ weekly ก็มาถึงระดับ 50% retracement แล้ว
ส่วนภาพที่ 4 นั้นเป็นการขยายกราฟวีคจากภาพที่ 3 มาเป็นกราฟชั่วโมงแสดงให้เห็นว่ากราฟวีคแท่งถัดจากแท่งแรกที่โดนแนวต้านฟิโบที่ระดับ 38.2% แล้วเด้งกลับกลายเป็นแท่งดำนั้น ถ้าจะรอตำแหน่งสูงสุดเพื่อทำการ เซล ต้องรอถึงแท่งที่ 17 ถ้าตลาดเริ่มเปิดตี 4 เวลาปิดของแท่งที่ 17 คือ 3 ทุ่ม แต่เวลาเปิดของแท่งที่ 17 คือ 2 ทุ่มซึ่งเป็นเวลาตลาดอเมริกาเปิดดังนั้นให้เรารอเวลาเพื่อให้ได้ราคาสูงสุด หรืออาจจะตั้ง pending sell limit เอาไว้ก็ได้ ที่ราคาประมาณ high ของแท่งก่อนหน้า ดังนั้นแท่งวีคหน้า ที่จะเด้งกลับในแนวต้านฟีโบระดับ 50% ก็ให้ทำตามแบบนี้จะได้ราคาสูงสุดตามต้องการ
อีกอย่างตอนนี้กราฟ weekly ก็มาถึงระดับ 50% retracement แล้ว
ส่วนภาพที่ 4 นั้นเป็นการขยายกราฟวีคจากภาพที่ 3 มาเป็นกราฟชั่วโมงแสดงให้เห็นว่ากราฟวีคแท่งถัดจากแท่งแรกที่โดนแนวต้านฟิโบที่ระดับ 38.2% แล้วเด้งกลับกลายเป็นแท่งดำนั้น ถ้าจะรอตำแหน่งสูงสุดเพื่อทำการ เซล ต้องรอถึงแท่งที่ 17 ถ้าตลาดเริ่มเปิดตี 4 เวลาปิดของแท่งที่ 17 คือ 3 ทุ่ม แต่เวลาเปิดของแท่งที่ 17 คือ 2 ทุ่มซึ่งเป็นเวลาตลาดอเมริกาเปิดดังนั้นให้เรารอเวลาเพื่อให้ได้ราคาสูงสุด หรืออาจจะตั้ง pending sell limit เอาไว้ก็ได้ ที่ราคาประมาณ high ของแท่งก่อนหน้า ดังนั้นแท่งวีคหน้า ที่จะเด้งกลับในแนวต้านฟีโบระดับ 50% ก็ให้ทำตามแบบนี้จะได้ราคาสูงสุดตามต้องการ
Wednesday, January 23, 2013
Sunday, January 20, 2013
Thursday, January 17, 2013
Saturday, January 12, 2013
กราฟวีคของจีเจ G/J Weekly ในสัปดาห์นี้และสัปดาห์หน้า
ภาพล่างคือภาพขยายภาพบนเป็นกราฟวีค (weekly ช่วงวันที่ 7-11 มกราคม 2556) ของคู่เงิน จีเจ G/J ซึ่งตอนนี้มีสองสิ่งที่เกิดขึ้นพร้อมกันและเป็นสัญญาณที่ตรงกันข้ามกัน เป็นอย่างไรมาดูกัน
- สัญญาณแรกคือแท่งเทียนขาขึ้นนั้นปิดเหนือเส้น EMA200 เส้นหลัก(เส้นแม่)และเส้นรอง( เส้นหลักคือ EMA HLCC/4 คือเส้นสีแดง และ เส้นรองคือ EMA High เส้นสีขาว) ซึ่งเป็นแท่งขึ้นทั้งสองแท่ง และราคาปิดปิดเหนือเส้น ema200 ทั้งสองเส้นเลยนี้เป็นสัญญาขาขึ้นต่อเนื่องในสัปดาห์หน้า(ช่วงวันที่ 14-18 มกราคม 2556)
- มาดูอีกสัญญาณหนึ่งคือรูปแบบฮาร์โมนิคซึ่งจากรูปจะให้สัญญา Bearish Butterfly ซึ่งเป็นสัญญาณกลับตัวเป็นขาลงในสัปดาห์หน้า
แต่จากรูปตอนนี้เราใส่ทั้งเส้น ema200 กับ แพทเทิร์นฮาร์โมนิคลงไป เราเลยมองเห็นสัญญาณที่เกิดขึ้นของทั้งสองสัญญาณในเวลาเดียวกัน... แล้วเราจะเชื่อสัญญาณไหน ????
สำหรับท่านที่ผ่านการเทรดมาพอสมควรหรือเป็นคนช่างสังเกต ก็รู้ว่าสัญญาที่เกิดขึ้นจากอินดิเตอร์ต่างๆ นั้นย่อมมีผิดผลาดบ้างหรือตรงบ้างเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่เป็นปรกติ แต่อย่างไรก็ตามเราก็ยังสามารถใช้เป็นเครื่องนำทางได้ดีกว่าไม่มีถูกไหมครับ(แต่บางท่านอาจจะชอบกราฟเปล่าก็แล้วแต่ความชอบ) ที่นี้เมื่อสัญญาณทั้งสองขัดกันเราต้องมาพิจารณาหรือวิเคราะห์อีกที(บางท่านอาจไม่ชอบวิเคราะห์ อาจถนัดแบบเทรดช่วงสั้นอันนี้ก็ตามความถนัดแต่ถ้ามีทั้งสองแบบก็จะเป็นการดี)
- เป็นเรื่องปรกติของกราฟที่เมื่อ breakout หรือทะลุแนวต้านแนวรับไปแล้ว มันมักจะกลับมาเทสแนวเบรคนั้นอีกที ไม่เว้นแม้แต่เส้น ema200 ถ้ามันทะลุเส้นแม่หรือเส้นหลักไปได้แล้ว มันก็มีโอกาสที่จะกลับมา retest หรือกลับมาทดสอบแนวหลุดของเส้น ema200 อีกครั้ง
- ประจวบเหมาะกับตรงนี้มันเป็นสัญญาณกลับตัวของรูปแบบฮาร์โมนิค ซึ่งเกิดรูปแบบ Bearish Butterfly พอดี
- อีกประการคือการเกิดฮาร์โมนิคในกราฟทามเฟรม(time frame) ขนาดใหญ่อย่างกราฟวีคขึ้นไปนั้นค่อนข้างเป็นสัญญาณที่เชื่อถือได้สูง
- อีกประการที่สนับสนุนกราฟวีคคือ ถ้าเราดูกราฟเดือน(Monthly: MN) จะเห็นว่าตอนนี้รูปแบบฮาร์โมนิคให้สัญญาณ Bearish Butterfly อีกด้วยดังรูปข้างล่าง
- แต่... ช่วงนี้อย่างที่ทราบกันดีคือรัฐบาลญี่ปุ่นก็มีโครงการกระตุ้นเศษฐกิจ จากกระแสข่าวเงินเยนอ่อนค่าลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.ปี 2553 เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ หลังจากมีกระแสคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) จะพิจารณามาตรการผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมอีกในการประชุมวัน ที่ 21-22 มกราคมนี้
ดังนั้นสัปดาห์หน้าต้องจับตาดูให้ดี ในส่วนตัว วิเคราะห์ตามสัญญาณฮาร์โมนิควีคครับ คือกราฟขึ้นมาเยอะถึงระดับแนวต้านฟิโบระหว่าง 168.1%-200% ซึ่งจะเป็นช่วง retrace อีกช่วงซึ่งก็ตรงกับรูปแบบ Butterfly Bearish ทั้ง weekly, monthly, แท่งวีคหน้าคาดว่าน่าจะเป็นแท่งดำ ส่วนอิทธิพลของค่าเงินเยนยังส่งผลอีกหลายสัปดาห์ ช่่วงวีคหน้าอาจจะเป็นการย่อตัวก่อนขึ้นต่อส่วนว่าจะย่อยาวหรือสั้น ... ยังไงวีคหน้าลองมาดูกันอีกทีนะครับ
Saturday, January 5, 2013
การเทรด Forex ให้มีกำไรแบบยั่งยืน
การรเทรด Forex ให้ได้กำไร มีองค์ประกอบ 3 อย่าง ที่จะทำให้มีกำไรในการเทรด Forex แบบยั่งยืน
1. Forex Trading System (ระบบเทรด) มีความสำคัญ 10%
เพื่อนๆ ควรหาระบบเทรด ที่เหมาะสมกับตัวเองให้เจอ ควรเป็นระบบที่ทน Drawdown ได้ ที่สำคัญเมื่อมีระบบแล้วก็ต้องทำตามให้ได้
2. Money Management (การบริหารเงิน) มีความสำคัญ 30%
เมื่อ มีระบบเทรดแล้ว Money Management ก็จะปรากฎให้เห็นเอง ว่าเราจะจัดการกับเงินทุนยังไง ให้เหมาะสมกับข้อมูลระบบเทรดที่มี เช่น เรามีข้อมูลว่าระบบของเรามีโอกาศเสียติดๆ กัน เราก็ต้องลงเงินในจำนวน % น้อยๆ มี Stop loss อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพื่อจะทำให้ไม่ทำให้พอร์ตเสียหายมาก
3. Psychology (จิตวิทยา) มีความสำคัญ 60%
ในการเทรด Forex การ ควบคุมจิตใจ ถือว่าเป็นหัวใจสำคัญของการเทรดให้กำไรแบบยั่งยืนได้เลยที่เดียว ต่อให้เพื่อนๆ มีสองข้อแรกดีแค่ใหน ถ้าขาดการควบคุมจิตใจไปก็ไม่สามารถจะเทรดให้กำไรแบบยั่งยืนได้ ตัวที่เด่นๆ คือ ความโลภ กับความกลัว รองลงมาคือ ความมั่นใจเกินไป
ตัวอย่างเช่น เมื่อมีกำไรก็เกิดความโลภ เพิ่ม Positions มากขึ้น พอตลาดเปลี่ยนทิศก็ขาดทุนมาก พอขาดทุนก็เกิดความกลัว ลด Positions ลง พอตลาดถูกทิศก็กำไรน้อย (ไม่ทำตามกฎ Money Management ที่ได้วางไว้)
หรือ ราคาวิ่งเลยจุดเข้าไปไกลแล้ว แต่เกิดความโลภ เห็นราคาไหลจึงรีบเข้ากลางทาง พอตลาดเปลี่ยนทิศก็ขาดทุนมาก พอขาดทุนก็เกิดความกลัวพอระบบให้สัญญาณในครังต่อไปก็ไม่กล้าเปิดคำสั่งซื้อ ขาย พอตลาดถูกทิศก็ไม่มีกำไร (ไม่ทำตามระบบเทรด forex ที่ได้วางไว้)
หรือ เทรดได้ติดๆ กันหลายครั้งทำให้เกิดความมั่นใจเกินไป เพิ่ม Positions มากขึ้น โดยไม่ทำตามกฎ Money Management ที่ได้วางไว้ พอตลาดเปลี่ยนทิศก็คืนกำไรที่ได้มาไปจนหมดในครั้งเดียว
ดังนั้นเพื่อนๆ ที่ซื้อขายเอาไว้ตามระบบก็คอยออกตามระบบ ใครที่ตกรถก็นั่งดูไปก่อน อย่าเข้ามาในตลาดขณะที่ไม่ใช่เวลาซื้อขาย
เล่น forex แบบสบายๆ มีสัญญาณซื้อก็ซื้อ มีสัญญาณขายก็ขาย พยายามอย่าคิดมาก เล่นตามระบบที่วางไว้ แล้วทำกำไรตามระบบ ไปเรื่อยๆดีกว่า
ข้อสำคัญที่สุดคือมีวินัยในการ Stop loss เพราะถ้าหากคาดการผิด จะได้ไม่เสียหายมาก แต่ถ้าถูกทาง ก็ Let profit run
1. Forex Trading System (ระบบเทรด) มีความสำคัญ 10%
เพื่อนๆ ควรหาระบบเทรด ที่เหมาะสมกับตัวเองให้เจอ ควรเป็นระบบที่ทน Drawdown ได้ ที่สำคัญเมื่อมีระบบแล้วก็ต้องทำตามให้ได้
2. Money Management (การบริหารเงิน) มีความสำคัญ 30%
เมื่อ มีระบบเทรดแล้ว Money Management ก็จะปรากฎให้เห็นเอง ว่าเราจะจัดการกับเงินทุนยังไง ให้เหมาะสมกับข้อมูลระบบเทรดที่มี เช่น เรามีข้อมูลว่าระบบของเรามีโอกาศเสียติดๆ กัน เราก็ต้องลงเงินในจำนวน % น้อยๆ มี Stop loss อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพื่อจะทำให้ไม่ทำให้พอร์ตเสียหายมาก
3. Psychology (จิตวิทยา) มีความสำคัญ 60%
ในการเทรด Forex การ ควบคุมจิตใจ ถือว่าเป็นหัวใจสำคัญของการเทรดให้กำไรแบบยั่งยืนได้เลยที่เดียว ต่อให้เพื่อนๆ มีสองข้อแรกดีแค่ใหน ถ้าขาดการควบคุมจิตใจไปก็ไม่สามารถจะเทรดให้กำไรแบบยั่งยืนได้ ตัวที่เด่นๆ คือ ความโลภ กับความกลัว รองลงมาคือ ความมั่นใจเกินไป
ตัวอย่างเช่น เมื่อมีกำไรก็เกิดความโลภ เพิ่ม Positions มากขึ้น พอตลาดเปลี่ยนทิศก็ขาดทุนมาก พอขาดทุนก็เกิดความกลัว ลด Positions ลง พอตลาดถูกทิศก็กำไรน้อย (ไม่ทำตามกฎ Money Management ที่ได้วางไว้)
หรือ ราคาวิ่งเลยจุดเข้าไปไกลแล้ว แต่เกิดความโลภ เห็นราคาไหลจึงรีบเข้ากลางทาง พอตลาดเปลี่ยนทิศก็ขาดทุนมาก พอขาดทุนก็เกิดความกลัวพอระบบให้สัญญาณในครังต่อไปก็ไม่กล้าเปิดคำสั่งซื้อ ขาย พอตลาดถูกทิศก็ไม่มีกำไร (ไม่ทำตามระบบเทรด forex ที่ได้วางไว้)
หรือ เทรดได้ติดๆ กันหลายครั้งทำให้เกิดความมั่นใจเกินไป เพิ่ม Positions มากขึ้น โดยไม่ทำตามกฎ Money Management ที่ได้วางไว้ พอตลาดเปลี่ยนทิศก็คืนกำไรที่ได้มาไปจนหมดในครั้งเดียว
ดังนั้นเพื่อนๆ ที่ซื้อขายเอาไว้ตามระบบก็คอยออกตามระบบ ใครที่ตกรถก็นั่งดูไปก่อน อย่าเข้ามาในตลาดขณะที่ไม่ใช่เวลาซื้อขาย
เล่น forex แบบสบายๆ มีสัญญาณซื้อก็ซื้อ มีสัญญาณขายก็ขาย พยายามอย่าคิดมาก เล่นตามระบบที่วางไว้ แล้วทำกำไรตามระบบ ไปเรื่อยๆดีกว่า
ข้อสำคัญที่สุดคือมีวินัยในการ Stop loss เพราะถ้าหากคาดการผิด จะได้ไม่เสียหายมาก แต่ถ้าถูกทาง ก็ Let profit run
"อยู่รอดให้ได้ก่อนแล้วค่อยทำกำไร"
ขอบคุณข้อมูลจาก siammetatrader.com
Friday, January 4, 2013
Thursday, January 3, 2013
Subscribe to:
Posts (Atom)